จากเมืองลำพูนมุ่งสู่อีสานใต้โดยรถทัวร์เส้นทาง "เชียงใหม่-อุบลราชธานี" และต่อรถตู้มุ่งหน้ามาสู่ "โขงเจียม" ที่ยามเช้าทุกๆ วันจะมีโอกาสได้เห็นแสงพระอาทิตย์ทอแสงก่อนใครๆ ในเมืองไทย
...สะบายดีโขงเจียม...
หลังจากที่เดินทางถึง "โขงเจียม" ก็เหมารถคุณตาไปหาที่พักแถวหาดวิจิตราก่อนถึงผาแต้มตามข้อมูลในเน็ต แต่บ้านพักโฮมสเตย์ที่เล็งไว้ปิดบริการไปแล้ว ก็พยายามหาที่พักอื่นๆ แต่พอเจอราคาห้องพันคืนละพันขึ้นก็ต้องยอมถอยหลังกลับมาที่โขงเจียม แล้วก็มาได้ห้องพักราคาที่ยอมรับได้....แต่ชื่อห้องพักนี้สิ
เป็นความบังเอิญที่คิดว่า "ใช่" นะ
หลังจากอาบน้ำพักผ่อนงีบสักพักเพราะหลังคดหลังแข็งบนรถทัวร์มาตลอดทั้งคืน
บ่ายๆ ก็เริ่มออกเดินเที่ยวในตัวอำเภอโขงเจียม เริ่มจากถนนหลักที่มีทั้งตลาด ธนาคาร โลตัส และที่ขาดไม่ได้เลย 7-11 และร้านค้าของชาวบ้าน
จากนั้นก็เดินไปตามป้ายร้านอาหารริมโขง... ทำให้ไปเจอทางเดินเลียบลำน้ำโขงที่มีความร่มรื่นและสะดวกในการเดินเที่ยวเป็นอันมาก
เก็บภาพลำน้ำโขงช่วงที่จะเชื่อมกับแม่น้ำมูล
เรียกกันว่า "แม่น้ำสองสี" ....โขงสีปูน มูลสีคราม....
หากจุดที่ถ่ายรูปจะยังเห็นสีไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
คงจะต้องข้ามไปถ่ายฝั่งตรงข้ามถึงน่าจะเห็นความแตกต่าง หรือต้องเช่าเรือที่มีให้บริการอยู่ล่องลำน้ำโขงไปสัมผัสธรรมชาติของสองแม่น้ำอย่างใกล้ชิด
เรียกกันว่า "แม่น้ำสองสี" ....โขงสีปูน มูลสีคราม....
หากจุดที่ถ่ายรูปจะยังเห็นสีไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
คงจะต้องข้ามไปถ่ายฝั่งตรงข้ามถึงน่าจะเห็นความแตกต่าง หรือต้องเช่าเรือที่มีให้บริการอยู่ล่องลำน้ำโขงไปสัมผัสธรรมชาติของสองแม่น้ำอย่างใกล้ชิด
"คุณภาพชีวิตของชาวบ้านโขงเจียม
มีเครื่องเล่นเด็ก...เครื่องออกกำลังกาย
ที่วางเรียงรายอยู่ริมฝั่งลำน้ำโขง
น่าอิจฉา...มาก...ถึง...มากที่สุด"
มีเครื่องเล่นเด็ก...เครื่องออกกำลังกาย
ที่วางเรียงรายอยู่ริมฝั่งลำน้ำโขง
น่าอิจฉา...มาก...ถึง...มากที่สุด"
"รักเธอไม่มีข้อแม้ รักแท้ที่โขงเจียม"
เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารริมลำน้ำโขง
ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปกัน
เป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารริมลำน้ำโขง
ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปกัน
ระหว่างที่รอทริปล่องเรือเที่ยวชมแก่งตะนะ แม่น้ำสองสีและแอ่วตลาดฝั่งลาว กับไกด์มือใหม่ป้ายแดง "ชาติ บขส" ที่จะนำเที่ยวให้เป็นพิเศษครับ
เมื่อมาถึงโขงเจียมแล้วไม่ได้ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาชมตะวันทอแสงก่อนใคร...ก็คงจะมาไม่ถึงโขงเจียม...ลุงติ๊กจึงได้เดินเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าตรู่มาฝากกัน...
"เป็นภาพตะวันทอแสงก่อนใครๆ ในสยาม" รู้สึกดีใจมากที่วันนี้ลุงติ๊กได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ก่อนเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ เพียงแค่วันเดียวก็ยังดีนะ
เมื่อมาถึงโขงเจียมแล้วไม่ได้ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาชมตะวันทอแสงก่อนใคร...ก็คงจะมาไม่ถึงโขงเจียม...ลุงติ๊กจึงได้เดินเก็บภาพบรรยากาศยามเช้าตรู่มาฝากกัน...
"เป็นภาพตะวันทอแสงก่อนใครๆ ในสยาม" รู้สึกดีใจมากที่วันนี้ลุงติ๊กได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ก่อนเพื่อนๆ พี่ๆ และน้องๆ เพียงแค่วันเดียวก็ยังดีนะ
"...และแล้วทริปล่องเรือก็มาถึงเมื่อ "ชาติ บขส" ไกด์มือใหม่ป้ายแดงได้โทรมานัดแนะเรื่องเวลาพร้อมแจ้งว่าจองเรือลุงมีไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ในราคาที่ลดให้เป็นพิเศษแบบพี่ไม่ต้องต่อรองเลย
แถมยังมีโชว์พิเศษที่ผมได้นัดหมาย "ลุงหาปลาแห่งแก่งตะนะ" มาโชว์การจับปลาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เรียกว่า ทอดแหจับปลาทุกครั้งจะต้องได้ปลาเยอะทุกครั้งอย่างแน่นอนทีเดียว ไกด์ชาติ โปรโมท ซะขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร..."
แถมยังมีโชว์พิเศษที่ผมได้นัดหมาย "ลุงหาปลาแห่งแก่งตะนะ" มาโชว์การจับปลาด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน เรียกว่า ทอดแหจับปลาทุกครั้งจะต้องได้ปลาเยอะทุกครั้งอย่างแน่นอนทีเดียว ไกด์ชาติ โปรโมท ซะขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร..."
อันนี้ลุงติ๊กเขียนโม้เกินเหตุนะเนี่ย เพราะทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังเอิญ...ครับบังเอิญจริงๆ ลุงติ๊กบังเอิญไปพบ "น้องชาติ" นั่งคุยกับน้องลุงมีที่ท่าเรือลำน้ำโขง...แล้วก็ได้ชักชวนกันไปเที่ยวล่องเรือ...ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย
ส่วนลุงหาปลาก็บังเอิญไปเจอระหว่างเดินเที่ยวที่แก่งตะนะ ซึ่งเห็นวิธีการหาปลาที่แปลกประหลาดของลุงก็อดที่จะสอบถามพูดคุยไม่ได้ จนคุณลุงเบื่อที่จะตอบคำถามแล้ว...จึงได้บอกกับพวกเราว่า "เดี๋ยวลุงจะแสดงให้ดู"...เรื่องจริงๆ ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
และด้วยความบังเอิญที่ลงตัวนี่เองทำให้ทริปล่องเรือได้ทั้งการชมวิวที่สวยงาม...ได้ความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านตัวจริงเสียงจริง...ได้เห็นวิถีชีวิตพ่อค้าแม่ค้าตลาดฝั่งลาวพร้อมได้นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างเป็นกันเอง
พร้อมออกเดินทาง...ชมภาพบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำมูลก่อนจะถึงแก่งมรณะ ตามทีชาวบ้านได้เรียกขานให้สมญานามเพราะความเชี่ยวของลำน้ำและแก่งหินกลางแม่น้ำมูลที่ทำให้เรือหาปลาต้องจมลงเป็นประจำ
ระหว่างเดินกลับไปขึ้นเรือ...ก็ได้แวะถ่ายรูปสิ่งก่อสร้างประหลาดบนแก่งตะนะที่กะเหรี่ยงสองคนได้ถกเถียงกันว่า ใครมาสร้างไว้? สร้างไว้ทำไม? หลังจากคุณลุงหาปลาได้บอกเล่าคร่าวๆ ถึงความสำคัญของสิ่งก่อสร้างนี้...ทำให้ต้องหันกลับมาสนใจอีกครั้งหนึ่งเพราะสิ่งก่อสร้างนี้คือประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวฝรั่งเศส เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวเรืออย่างแท้จริง
ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
"ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะ จะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงฝรั่งเศสล่าอาณานิคม เพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ"
เมื่อเรือมุ่งหน้ากลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้งหนึ่งเพื่อพาเราไปสัมผัสแม่น้ำสองสี ที่ซึ่งแม่น้ำมูลไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง เมื่อระหว่างที่สองลำน้ำไหลมารวมตัวกันก็ทำให้เห็นถึงสีของน้ำที่แตกต่างกัน จึงได้ชื่อว่า "โขงสีปูน มูลสีคราม" และก็เป็นเช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เปลี่ยนแปลง
ระหว่างผ่านแม่น้ำสองสี...คุณลุงมีก็ได้ชะลอความเร็วเรือให้เราได้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ได้ถ่ายรูปกันทั่วหน้า จากนั้นก็ได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อตัดผ่านกระแสน้ำแม่โขงเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดฝั่งลาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างนี้ไกด์มือใหม่ป้ายแดงก็บอกย้ำว่า "ที่ตลาดลาวนี้ ผมมาบ่อย ไม่ต้องห่วง เดี่ยวพาพี่เดินเที่ยวเอง"
ว่าแล้วไกด์ก็เดินไปจ่ายค่าผ่านแดนให้...ทำให้จำไม่ได้ว่าคนละสิบ หรือยี่สิบบาทกันแน่...แต่ที่แน่ๆ ไม่เกินจากนี้แน่นอน...หลังจากได้แวะคุยกับแม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้ ก็รู้ว่าคนไทยแวะมาเที่ยวพร้อมซื้อของกันมากทำให้การที่เธอมาลงทุนเปิดร้านที่นี่ก็ทำให้พอมีรายได้ที่จะอยู่ค้าขายต่อไป ทั้งๆ ที่สภาพความเป็นอยู่ก็ต้องถือว่าลำบากพอสมควรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญจากตัวอำเภอปากเซ ประเทศของตัวเอง แต่อยู่ใกล้ความเจริญของประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน หากแต่เธอก็มีความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนลาว และได้อยู่ในประเทศบ้านเกิดของตัวเอง
และด้วยความบังเอิญที่ลงตัวนี่เองทำให้ทริปล่องเรือได้ทั้งการชมวิวที่สวยงาม...ได้ความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านตัวจริงเสียงจริง...ได้เห็นวิถีชีวิตพ่อค้าแม่ค้าตลาดฝั่งลาวพร้อมได้นั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างเป็นกันเอง
พร้อมออกเดินทาง...ชมภาพบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำมูลก่อนจะถึงแก่งมรณะ ตามทีชาวบ้านได้เรียกขานให้สมญานามเพราะความเชี่ยวของลำน้ำและแก่งหินกลางแม่น้ำมูลที่ทำให้เรือหาปลาต้องจมลงเป็นประจำ
แม่น้ำมูล นิ่งสงบ แต่น่าเกรงขาม
ถึงแล้วแก่งตะนะ กลางแม่น้ำมูล
หินแก่งตะนะที่ถูกเซาะจนเป็นรูกลวง
เนินทรายละเอียดดุจดั่งแป้งบนแก่งตะนะ
....แวะมาดูโชว์วิธีการหาปลาของคุณลุงกันดีกว่า....
หลังจากเราเดินชมวิวและถ่ายรูปบนแก่งตะนะมาเรื่อยๆ...เราก็ได้ถกเถียงกันเรื่องฐานปูนที่เป็นสิ่งก่อสร้างบนแก่งตะนะ "ชาติ บขส. ไกด์มือใหม่ป้ายแดง" กับลุงติ๊ก ว่าใครมาสร้างไว้? สร้างไว้ทำไม? สมควรมาก่อสร้างไว้บนแก่งหินธรรมชาตินี้ด้วยหรือ?....จนทั้งคู่เดินมาสุดแก่งตะนะก็ได้พบคุณลุงใส่แว่นตาดำน้ำ ว่ายน้ำตำน้ำโดยชูมือที่ถือลูกกลมๆ สองลูก ว่ายเวียนดำน้ำวนไปมาอยู่นาน ก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยและเกิดคำถามขึ้นอีกมากมาย สักพักลุงก็ขึ้นมาหยุดพักพร้อมวางลูกกลมๆ ไว้บนแก่งหินทำให้เราเดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับถามคุณลุงว่า...ลูกอะไร? คุณลุงกำลังทำอะไรอยู่?
คุณลุงก็ตอบสั้นๆ ว่า "อาหารล่อปลา" และ "กำลังจับปลาอยู่" ว่าแล้วแกก็นำอาหารล่อปลาไปลูกหนึ่ง แล้วก็ลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำต่อโดยแรกๆ ลุงจะชูมือข้างที่ถืออาหารล่อปลาไว้เหนือน้ำ เดี๋ยวก็ดำลงไป...เดี๋ยวก็โผล่ขึ้นมา...เดี๋ยวก็ว่ายไปตรงโน้น...เดี๋ยวก็ว่ายมาตรงนี้..."งง ตาย -่า" เลยลุงแกกำลังทำอะไรอยู่นี่...ระหว่างที่ลุงแหวกว่ายดำน้ำเล่นอยู่นั้น "กะเหรี่ยงสองคน" ก็กำลังโชว์ความโง่กันอยู่ เพราะได้หยิบอาหารล่อปลาขึ้นมาดู มาดม พิสูจน์กันว่า "มันทำมาจากอะไร"...
เมื่อคุณลุงได้ขึ้นมาจากน้ำและเดินตรงมานั่งพักกับเราแล้ว...ลุงติ๊กก็พยายามถามลุงว่า "อาหารล่อปลานี้ทำมาจากอะไร?" ลุงก็ตอบว่า "แกคิดสูตรนี้ขึ้นมาเอง" ดูเหมือนว่าแกคงจะไม่อยากจะบอกสูตรทำอาหารล่อปลาแน่ๆ แล้ว ผมก็ย้ำกับแกว่า "ผมขอสัญญาว่าจะไม่บอกใคร?" จริงๆ นะลุง...
เมื่อคุณลุงได้ขึ้นมาจากน้ำและเดินตรงมานั่งพักกับเราแล้ว...ลุงติ๊กก็พยายามถามลุงว่า "อาหารล่อปลานี้ทำมาจากอะไร?" ลุงก็ตอบว่า "แกคิดสูตรนี้ขึ้นมาเอง" ดูเหมือนว่าแกคงจะไม่อยากจะบอกสูตรทำอาหารล่อปลาแน่ๆ แล้ว ผมก็ย้ำกับแกว่า "ผมขอสัญญาว่าจะไม่บอกใคร?" จริงๆ นะลุง...
คุณลุงก็เฉลยให้เรารู้ว่า "มันทำมาจาก.............." ทำเอาไกด์มือใหม่ป้ายแดงหัวเราะก๊ากขึ้นมาทีเดียว เพราะ "ชาติ บขส" เป็นคนแรกที่ดมพิสูจน์ว่ามันทำมาจากอะไร...แล้วเราก็ยังสงสัยเพิ่มไปอีกว่าแล้วมันไม่ละลายไปกับน้ำหรือ?....จากนั้น "ชาติ บขส" ก็ได้ขอลองพิสูจน์ด้วยการนำอาหารล่อปลาจุ่มน้ำแกว่งไปมาดู...จริงของคุณลุงแฮะว่า...มันปั้นมาได้เหนียวเพียงพอทำให้ไม่ละลายในน้ำเลย
ไกด์มือใหม่ป้ายแดง...ยังขอดูแว่นดำน้ำของคุณลุงมาดูและทดลองสวมแล้วก็จุ่มหน้าลงไปในน้ำเพื่อลองพิสูจน์ดูว่า...น้ำไม่เข้าแว่นจริงๆ...เมื่อถึงเวลาที่จะโชว์การจับปลาแล้ว...คุณลุงก็เตรียมแหไปตรงบริเวณที่วางอาหาล่อปลาไว้ โดยมีทุ่นลอยอยู่เพื่อไม่ให้พลาดตำแหน่ง...หลังจากลุงทอดแหไปแล้วก็ใช้เวลาสักพักในการจัดการแล้วก็กลับขึ้นมาพร้อมปลาและอาหารล่อปลาที่ยังเหลืออยู่เป็นก้อนกลมอยู่เลย
"บทพิสูจน์ภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ใช้ปัญญา ไม่ได้ใช้แต่แรงเพียงอย่างเดียว"
สิ่งก่อสร้างประหลาด...ใครมาสร้างไว้? สร้างไว้ทำไม?
สิ่งก่อสร้างประหลาด...ใครมาสร้างไว้? สร้างไว้ทำไม?
ระหว่างเดินกลับไปขึ้นเรือ...ก็ได้แวะถ่ายรูปสิ่งก่อสร้างประหลาดบนแก่งตะนะที่กะเหรี่ยงสองคนได้ถกเถียงกันว่า ใครมาสร้างไว้? สร้างไว้ทำไม? หลังจากคุณลุงหาปลาได้บอกเล่าคร่าวๆ ถึงความสำคัญของสิ่งก่อสร้างนี้...ทำให้ต้องหันกลับมาสนใจอีกครั้งหนึ่งเพราะสิ่งก่อสร้างนี้คือประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวฝรั่งเศส เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาวเรืออย่างแท้จริง
ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
"ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะ จะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงฝรั่งเศสล่าอาณานิคม เพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ"
เมื่อเรือมุ่งหน้ากลับสู่ลำน้ำโขงอีกครั้งหนึ่งเพื่อพาเราไปสัมผัสแม่น้ำสองสี ที่ซึ่งแม่น้ำมูลไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง เมื่อระหว่างที่สองลำน้ำไหลมารวมตัวกันก็ทำให้เห็นถึงสีของน้ำที่แตกต่างกัน จึงได้ชื่อว่า "โขงสีปูน มูลสีคราม" และก็เป็นเช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เปลี่ยนแปลง
ระหว่างผ่านแม่น้ำสองสี...คุณลุงมีก็ได้ชะลอความเร็วเรือให้เราได้เฝ้าดูอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ได้ถ่ายรูปกันทั่วหน้า จากนั้นก็ได้เร่งเครื่องยนต์เพื่อตัดผ่านกระแสน้ำแม่โขงเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดฝั่งลาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ระหว่างนี้ไกด์มือใหม่ป้ายแดงก็บอกย้ำว่า "ที่ตลาดลาวนี้ ผมมาบ่อย ไม่ต้องห่วง เดี่ยวพาพี่เดินเที่ยวเอง"
ว่าแล้วไกด์ก็เดินไปจ่ายค่าผ่านแดนให้...ทำให้จำไม่ได้ว่าคนละสิบ หรือยี่สิบบาทกันแน่...แต่ที่แน่ๆ ไม่เกินจากนี้แน่นอน...หลังจากได้แวะคุยกับแม่ค้าที่ตลาดแห่งนี้ ก็รู้ว่าคนไทยแวะมาเที่ยวพร้อมซื้อของกันมากทำให้การที่เธอมาลงทุนเปิดร้านที่นี่ก็ทำให้พอมีรายได้ที่จะอยู่ค้าขายต่อไป ทั้งๆ ที่สภาพความเป็นอยู่ก็ต้องถือว่าลำบากพอสมควรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญจากตัวอำเภอปากเซ ประเทศของตัวเอง แต่อยู่ใกล้ความเจริญของประเทศไทย ประเทศเพื่อนบ้าน หากแต่เธอก็มีความภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนลาว และได้อยู่ในประเทศบ้านเกิดของตัวเอง
ด่านตรวจของประเทศลาว
สภาพถนนและตลาดร้านค้า
บ้านสิงสำพัน แขวงจำปาสัก
อ่านยาก ทั้งสองภาษาเลย
แซบหลาย เบียร์ดำของเบียร์ลาว
ต้นไม้กลางลำล้ำโขงโบกมือลา "ขอให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย"
ขอบคุณ "ชาติ บขส" ที่ได้ร่วมเดินทาง...ทำให้เราทั้งสองคนไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าอีกต่อไปครับ
ขอบคุณ "ผู้อ่านทุกคน" ที่ได้ร่วมเดินทางไปกับเรา...หวังว่าคงจะมีความสุขใจได้บ้างนะครับ
ขอบคุณ "ตัวเอง" ที่ถึงแม้ว่าจะยังค้นหาไม่พบ...แต่ก็ได้พยายามที่จะค้นหาต่อไป
สุดท้าย...ก็ต้องขอบคุณ "เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ" ที่ต่างแวะเวียนมาให้กำลังใจกันเสมอ
ขอบคุณ "ตัวเอง" ที่ถึงแม้ว่าจะยังค้นหาไม่พบ...แต่ก็ได้พยายามที่จะค้นหาต่อไป
สุดท้าย...ก็ต้องขอบคุณ "เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ" ที่ต่างแวะเวียนมาให้กำลังใจกันเสมอ