...จุดสมดุลของชีวิต...
ทำไว้เตือนตัวเอง
...เมื่อกาย ใจ หรือ ความคิดหลงทางไปบ้าง...
ก็จะหาทางกลับเองได้
เส้นบางๆ ระหว่างความมั่งมี และ ความไม่มี
...มั่งมี...
ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ไม่เล่นหวย ไม่เล่นการพนัน
ขยันทำงาน หนักเอาเบาสู้
มีน้อยใช้น้อย รู้จักแบ่งเงินใช้ตามความจำเป็น (วินัยทางการเงิน)
และที่สำคัญ "หลับง่าย" ทั้งๆ ที่โดนโกงเงิน เป็นหนี้อยู่ก็ตาม
...ไม่มี...
ตรงกันข้ามกับข้างต้น
เรื่องข้างต้นนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้รับรู้ระหว่างการเดินทาง
หากแต่ได้ตัดรายละเอียดเรื่องตัวบุคคลออกไปเพราะไม่ต้องการพาดพิงถึงน่าจะ สบายใจกว่า...
...ความพยายามที่ล้มเหลวก็ยังดีกว่าไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรเลย...
ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าเราได้เริ่มต้นพยายามทำอะไรก็ตาม
อย่างน้อยก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
.....เริ่มตั้งแต่
คิด....ก่อนทำ
สุข/ทุกข์....ที่ได้ทำ
เหน็ดเหนื่อย....หลังจากทำ
ทุกข์....เมื่อล้มเหลว หรือ สุข....เมื่อสำเร็จ
คงจะมีเพียงเท่านี้แหละมั๊ง
หากแต่ปัญหาที่มันเกิดความเคร่งเครียดก็เพราะเงื่อนไขที่มาเป็นข้อกำหนด
หรือผู้คนรอบข้างที่มีความคิดที่แตกต่าง หรือการกระทำที่ไม่สอดคล้อง
หรือคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาสร้างความเร่งเร้ากระตุ้นเพื่อทำให้มากขึ้น
หรือเหตุปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาเป็นความวิตกกังวลมากเกินไป
ทุกวันนี้...มีพลังเชื่อมั่นว่า "มีปัญญาพอเพียงที่จะทำอะไรก็ได้"
หากแต่เกรงว่า "จิตใจอาจจะไร้พลังได้ถ้าหากปล่อยเวลาให้เนินนานออกไป
^^*************************************^^
คำสอนที่แสนเรียบง่ายจากหลวงพ่อเมือง วัดป่ามัชฌิมวาส
ที่นอกจากนำมาเป็นหลักในการฝึกฝนปฏิบัติธรรมแล้ว
ยังนำมาเป็นหลักในการทำงาน การใช้ชีวิตในประจำวันของเราได้อีกด้วย
"สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ"
หลายคนแสวงหา "พระเครื่อง พระบูชา เครื่องราง ของขลัง" เพื่อมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
...หากมีเพียงหนึ่งแล้วแรงศรัทธาทำให้เป็นคนดีได้ทั้ง กาย วาจา ใจ จนปล่อยวางได้ในที่สุด...
ก็จะเป็นมนุษย์น่านับถืออย่างยิ่ง
...แต่หากถ้ายังวุ่นวายที่จะหามาครอบครองในสิ่งที่คิดว่าดีกว่าที่มีอยู่...
แล้วก็ดิ้นรนขวนขวายจนทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง
เต็มเปี่ยมทั้ง กาย วาจา ใจจนทำให้เป็นคนที่แสนว้าวุ่นในที่สุด
...ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นเสียเลยละครับ ไม่ต้องแสวงหาวัตถุเพื่อครอบครอง ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย...
และในที่สุดธรรมชาติก็จะแสดงเปิดเผยให้เห็นถึงสัจธรรมของชีวิตนี้...
เช่นใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นอยู่ใต้ต้นมีทั้งใบใหญ่ ใบเล็ก ใบน้อย และทุกขนาดใบโพธิ์โดยไม่มีเงื่อนไข
ด้วยธรรมชาตินี้ทำให้ผมเข้าใจถึงการจากไปของคนเราคงเช่นเดียวกับใบโพธิ์เหล่านี้
ที่ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัวว่าจะต้องแก่ตายเท่านั้น ซึ่งเมื่อเข้าถึงสัจธรรมในธรรมชาตินี้ได้
...จิตใจก็จะคลายจางจากความยึดมั่นถือมั่นได้เช่นเดียวกัน
ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือ การไม่เลี้ยงไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ เพราะบาปจะหนัก
...ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนต่างยึดติดในความคิดนี้...
ผมได้ลองถามเรื่องนี้กับหลายๆ คนดูครับว่า
"แล้วตัดต้นไม้ใหญ่ จะบาปหนักเช่นเดียวกับการฆ่าสัตว์ใหญ่หรือปล่าว?"
ต้นไม้ก็มีชีวิตเช่นเดียวกับสัตว์ทุกประการ
...เพราะต้นไม้ก็เจริญเติบโต...
ต้นไม้ก็มีการสืบพันธุ์
ต้นไม้ก็มีออกลูกไม้ ผลไม้
แล้วลูกไม้เหล่านั้นก็เจริญเติบโต
มีวงจรชีวิตไม่แตกต่างจากสัตว์ หรือ คนเลย
เมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
และธรรมชาติรอบๆ ตัวเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา
...เราควรใช้ชีวิตที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน...
นี้คือ......สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
"ลดได้เดี๋ยวนี้...รวยได้ทันใจ...แก้ชงแก้กรรมได้"
ทำไมหนอที่คนเราต่างหลงเชื่อไปกับคำเชิญชวนอย่างงมงายกันเสียจริง
หยุดคิดก่อนสักนิดได้มั๊ย...ถ้ามันเป็นจริงเช่นนั้น "..............................."
...คนเราก็ผอมหุ่นดีกันหมดทั้งโลกนี้แล้ว...จริงมั๊ย
....คนเราก็ต้องร่ำรวยกันหมดทั้งโลกนี้แล้ว...จริงมั๊ย
.....คนเราก็หมดเคราะห์หมดโศกกันทั้งโลก...จริงมั๊ย
กลับมาอยู่กับธรรมชาติที่สุมดุลกันดีกว่านะ....
มื้อนี้กินเยอะ...มื้อถัดไปก็กินน้อยหน่อย
วันนี้กินอร่อย...วันพรุ่งนี้ก็กินแบบธรรมดาๆ
รู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีพุง...ก็เริ่มออกกำลังกาย
ถ้าเราทำได้แบบนี้ได้...แล้วเราจำเป็นต้องเสียเงินซื้อสารสกัดเข้มข้นกันหรือปล่าว
ถ้าหากวันนี้มีเงินน้อย...ก็กินน้อย...แล้วก็เก็บส่วนที่เหลือไว้วันต่อไป
คิดถึงอนาคตว่าเมื่อไรต้องใช้เงินทำอะไร เช่น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษ
แล้วก็แบ่งส่วนรายได้เพื่อเก็บออมไว้จ่ายสิ่งเหล่านี้ในอนาคต
รู้จักใช้เงินปัจจุบันเพียงอย่างดียว...อย่าพยายามใช้เงินอนาคต
ถ้าเราเริ่มทำแบบนี้ได้...เราก็จะไม่โดนหลอกลวงอย่างที่เป็นข่าวกันหรือปล่าว
ถ้าเรารู้ว่า...วันนี้เรา "คิดดี พูดดี ทำดี" ด้วยความตั้งใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว
เราก็คงได้รับผลกรรมดีจากที่เราทำไว้นับจากนี้อย่างแน่นอนแล้ว
ถ้าเรารู้ว่า...อดีตที่ผ่านมาเราทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่วความความตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
เราก็ควรจะยอมรับผลกรรมที่จะติดตามตัวเรามาด้วยความยินดี
ถ้าเราเริ่มทำแบบนี้ได้...เราก็จะไม่หลงงมงายไปกับพวกที่หากินบนกรรมของคนอื่น
ทำไว้เตือนตัวเอง
...เมื่อกาย ใจ หรือ ความคิดหลงทางไปบ้าง...
ก็จะหาทางกลับเองได้
เส้นบางๆ ระหว่างความมั่งมี และ ความไม่มี
...มั่งมี...
ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ไม่เล่นหวย ไม่เล่นการพนัน
ขยันทำงาน หนักเอาเบาสู้
มีน้อยใช้น้อย รู้จักแบ่งเงินใช้ตามความจำเป็น (วินัยทางการเงิน)
และที่สำคัญ "หลับง่าย" ทั้งๆ ที่โดนโกงเงิน เป็นหนี้อยู่ก็ตาม
...ไม่มี...
ตรงกันข้ามกับข้างต้น
เรื่องข้างต้นนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้รับรู้ระหว่างการเดินทาง
หากแต่ได้ตัดรายละเอียดเรื่องตัวบุคคลออกไปเพราะไม่ต้องการพาดพิงถึงน่าจะ สบายใจกว่า...
...ความพยายามที่ล้มเหลวก็ยังดีกว่าไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรเลย...
ความเป็นจริงแล้วไม่ว่าเราได้เริ่มต้นพยายามทำอะไรก็ตาม
อย่างน้อยก็เกิดความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
.....เริ่มตั้งแต่
คิด....ก่อนทำ
สุข/ทุกข์....ที่ได้ทำ
เหน็ดเหนื่อย....หลังจากทำ
ทุกข์....เมื่อล้มเหลว หรือ สุข....เมื่อสำเร็จ
คงจะมีเพียงเท่านี้แหละมั๊ง
หากแต่ปัญหาที่มันเกิดความเคร่งเครียดก็เพราะเงื่อนไขที่มาเป็นข้อกำหนด
หรือผู้คนรอบข้างที่มีความคิดที่แตกต่าง หรือการกระทำที่ไม่สอดคล้อง
หรือคนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาสร้างความเร่งเร้ากระตุ้นเพื่อทำให้มากขึ้น
หรือเหตุปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่นำมาเป็นความวิตกกังวลมากเกินไป
ทุกวันนี้...มีพลังเชื่อมั่นว่า "มีปัญญาพอเพียงที่จะทำอะไรก็ได้"
หากแต่เกรงว่า "จิตใจอาจจะไร้พลังได้ถ้าหากปล่อยเวลาให้เนินนานออกไป
^^*************************************^^
คำสอนที่แสนเรียบง่ายจากหลวงพ่อเมือง วัดป่ามัชฌิมวาส
ที่นอกจากนำมาเป็นหลักในการฝึกฝนปฏิบัติธรรมแล้ว
ยังนำมาเป็นหลักในการทำงาน การใช้ชีวิตในประจำวันของเราได้อีกด้วย
"สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ"
หลายคนแสวงหา "พระเครื่อง พระบูชา เครื่องราง ของขลัง" เพื่อมาเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
...หากมีเพียงหนึ่งแล้วแรงศรัทธาทำให้เป็นคนดีได้ทั้ง กาย วาจา ใจ จนปล่อยวางได้ในที่สุด...
ก็จะเป็นมนุษย์น่านับถืออย่างยิ่ง
...แต่หากถ้ายังวุ่นวายที่จะหามาครอบครองในสิ่งที่คิดว่าดีกว่าที่มีอยู่...
แล้วก็ดิ้นรนขวนขวายจนทำให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง
เต็มเปี่ยมทั้ง กาย วาจา ใจจนทำให้เป็นคนที่แสนว้าวุ่นในที่สุด
...ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านั้นเสียเลยละครับ ไม่ต้องแสวงหาวัตถุเพื่อครอบครอง ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวาย...
และในที่สุดธรรมชาติก็จะแสดงเปิดเผยให้เห็นถึงสัจธรรมของชีวิตนี้...
เช่นใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นอยู่ใต้ต้นมีทั้งใบใหญ่ ใบเล็ก ใบน้อย และทุกขนาดใบโพธิ์โดยไม่มีเงื่อนไข
ด้วยธรรมชาตินี้ทำให้ผมเข้าใจถึงการจากไปของคนเราคงเช่นเดียวกับใบโพธิ์เหล่านี้
ที่ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัวว่าจะต้องแก่ตายเท่านั้น ซึ่งเมื่อเข้าถึงสัจธรรมในธรรมชาตินี้ได้
...จิตใจก็จะคลายจางจากความยึดมั่นถือมั่นได้เช่นเดียวกัน
ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือ การไม่เลี้ยงไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ เพราะบาปจะหนัก
...ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนต่างยึดติดในความคิดนี้...
ผมได้ลองถามเรื่องนี้กับหลายๆ คนดูครับว่า
"แล้วตัดต้นไม้ใหญ่ จะบาปหนักเช่นเดียวกับการฆ่าสัตว์ใหญ่หรือปล่าว?"
ต้นไม้ก็มีชีวิตเช่นเดียวกับสัตว์ทุกประการ
...เพราะต้นไม้ก็เจริญเติบโต...
ต้นไม้ก็มีการสืบพันธุ์
ต้นไม้ก็มีออกลูกไม้ ผลไม้
แล้วลูกไม้เหล่านั้นก็เจริญเติบโต
มีวงจรชีวิตไม่แตกต่างจากสัตว์ หรือ คนเลย
เมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
และธรรมชาติรอบๆ ตัวเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา
...เราควรใช้ชีวิตที่ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน...
นี้คือ......สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ
อีกหนึ่งข้อคิดที่ผมได้ค้นพบในระหว่างการเดินทางค้นหา "อะไรบางอย่าง"
ก็ระหว่างการเดินทางค้นหาตามลำพังคนเดียว
ก็ต้องหอบหิ้วทั้งกระเป๋าเสี้อผ้า...กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์...
และกระเป๋าสะพายใบน้อยที่ไว้ใส่มือถือเป๋าตังค์และของจุกจิก...
ก็จะเกิดความเป็นกังวลในสิ่งของที่จะสูญหายหากวางทิ้งไว้ตามลำพัง
และคิดจะวุ่นวายใจจนทำให้เกิดนี้ขึ้นมา
"สิ่งเหล่านี้มีค่าแต่ไม่มีความหมาย"
"ลดได้เดี๋ยวนี้...รวยได้ทันใจ...แก้ชงแก้กรรมได้"
ทำไมหนอที่คนเราต่างหลงเชื่อไปกับคำเชิญชวนอย่างงมงายกันเสียจริง
หยุดคิดก่อนสักนิดได้มั๊ย...ถ้ามันเป็นจริงเช่นนั้น "..............................."
...คนเราก็ผอมหุ่นดีกันหมดทั้งโลกนี้แล้ว...จริงมั๊ย
....คนเราก็ต้องร่ำรวยกันหมดทั้งโลกนี้แล้ว...จริงมั๊ย
.....คนเราก็หมดเคราะห์หมดโศกกันทั้งโลก...จริงมั๊ย
กลับมาอยู่กับธรรมชาติที่สุมดุลกันดีกว่านะ....
มื้อนี้กินเยอะ...มื้อถัดไปก็กินน้อยหน่อย
วันนี้กินอร่อย...วันพรุ่งนี้ก็กินแบบธรรมดาๆ
รู้สึกว่าร่างกายเริ่มมีพุง...ก็เริ่มออกกำลังกาย
ถ้าเราทำได้แบบนี้ได้...แล้วเราจำเป็นต้องเสียเงินซื้อสารสกัดเข้มข้นกันหรือปล่าว
ถ้าหากวันนี้มีเงินน้อย...ก็กินน้อย...แล้วก็เก็บส่วนที่เหลือไว้วันต่อไป
คิดถึงอนาคตว่าเมื่อไรต้องใช้เงินทำอะไร เช่น ค่าเทอมลูก ค่าเรียนพิเศษ
แล้วก็แบ่งส่วนรายได้เพื่อเก็บออมไว้จ่ายสิ่งเหล่านี้ในอนาคต
รู้จักใช้เงินปัจจุบันเพียงอย่างดียว...อย่าพยายามใช้เงินอนาคต
ถ้าเราเริ่มทำแบบนี้ได้...เราก็จะไม่โดนหลอกลวงอย่างที่เป็นข่าวกันหรือปล่าว
ถ้าเรารู้ว่า...วันนี้เรา "คิดดี พูดดี ทำดี" ด้วยความตั้งใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว
เราก็คงได้รับผลกรรมดีจากที่เราทำไว้นับจากนี้อย่างแน่นอนแล้ว
ถ้าเรารู้ว่า...อดีตที่ผ่านมาเราทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่วความความตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
เราก็ควรจะยอมรับผลกรรมที่จะติดตามตัวเรามาด้วยความยินดี
ถ้าเราเริ่มทำแบบนี้ได้...เราก็จะไม่หลงงมงายไปกับพวกที่หากินบนกรรมของคนอื่น