พ่อผมมีอายุแปดสิบกว่าปีแล้ว...แต่ใจร้อนเหมือนหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีเลย
พ่อผมทำงานหนักมาตลอดชีวิต...แต่วันนี้ใจก็ยังทำงานอยู่ทั้งที่สังขารไม่ให้แล้ว
พ่อผมเป็นผู้นำทั้งครอบครัวและสมาคม...แต่วันนี้ก็ยังสวมหัวโขนอยู่ไม่ปล่อยวาง
พ่อผมได้บอกผมว่า..."การที่พ่อได้ทำงานบ้างจะเป็นการช่วยทำให้พ่อลืมอาการเจ็บเอวไปเลย"...นี่คือพ่อผมเองครับ พ่อเป็นคนทำงาน เรียกได้ว่า อยู่กับงานทุกลมหายใจเข้าออกทีเดียว แถมยังพ่วงท้ายกับ "เวลา" ที่ใช้ในการทำงาน...ไม่มีการนั่งอู้...ไม่มีการพูดจาเล่นกัน...ไม่มีการเปิดเพลงฟัง...ไม่มีอะไรเลยนอกจากการทำงานและทำงานเท่านั้นเอง
พ่อก็ยังพูดถึงตัวพ่อเองและยอมรับว่า "ยังใจร้อนอยู่" เรื่องนี้ถึงไม่บอกก็เห็นเต็มสองตาครับ...รับรู้เต็มสองหูเลยทีเดียวครับพ่อ...แถมยังจำภาพอดีตที่พ่อสมัยหนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ...เรื่องนี้ก็อยากบอกกับพ่อเหมือนกันว่า "สิ่งที่พ่อเป็นก็ไม่แตกต่างกับสิ่งที่ผมเป็น" คงจะเรียกได้ว่า "กรรมเป็นแรงเหนี่ยวนำมาให้พบเจอกัน"
วานนี้ก็ได้เห็นพ่อกำลังใช้คีมบีบลวดดัดลวดเพื่อทำเป็นที่แขวนอะไรสักอย่าง...อ้อ...ใช้เป็นที่แขวนและตากถุงพลาสติกให้แห้งเพื่อไว้ใช้งานในภายหลัง พ่อทำงานนี้อย่างตั้งใจมากจริงๆ และใช้ความพยายามอย่างยิ่งด้วยสังขารร่างกายไม่ให้แต่หัวใจยังสู้อยู่มาก เมื่อพ่อทำเสร็จแล้วก็พยายามหาที่แขวนสิ่งประดิษฐ์ที่พ่อคิดว่าสะดวกกับการหยิบฉวย...แล้วพ่อก็กลับมานั่งชื่นชมผลงานอยู่
ผมก็เดินเข้ามานั่งอยู่ใกล้ๆ กับสิ่งประดิษฐ์ของพ่อแล้วก็พูดว่า "พ่อ...แขวนตรงนี้ไม่เหมาะนะ...ถุงพลาสติกโดนพัดลมจะปลิวโดนหัวคนมานั่งคุยกับพ่อ...แล้วผมก็ยืดตัวนั่งตรงให้พ่อเห็นว่า "ถุงมันส่ายไหวไปมาตามแรงลมมาโดนหัวคนนั่งตรงนั้นพอดี"...ทำให้พ่อต้องพยายามลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อมาย้ายสิ่งประดิษฐ์ของแกขยับไปแขวนที่หน้าต่างอีกช่องหนึ่ง...
ผมได้แต่หวังว่า "พ่อคงไม่คิดว่าผมจะแกล้งพ่อหรอกนะ...แต่รักนะถึงหยอกเล่น"