"หมดแรง...หมดเงิน...แต่ไม่หมดปัญญา"
ในช่วงระยะสามปีที่ผ่านมา ผมที่ได้มาอยู่ที่อิ่มสุขฟาร์ม "Happy Farm" เป็นที่ที่ผมได้พยายามอย่างยิ่งที่จะสร้าง "ความฝันและความสุข" ให้สำเร็จ
ถึงแม้ปีแรกจะต้องเผชิญกับ "เส้นเลือดในสมองแตก" ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก แต่ก็พยายามฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาได้โดยเร็วจนทำให้ได้เริ่มต้นอาชีพใหม่ นั่นคือ "ฟาร์มรีดนม" นับเป็นงานที่หนักและท้าทายคนป่วยเช่นผมมากทีเดียว ก็ได้พยายามจนร่างกายแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับและเข้าใจการรีดนมมากขึ้นด้วย
แต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพคล่องที่ทำให้เงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ และเป็นอีกครั้งที่ได้พยายามจนเกือบผ่านพ้นมาได้ด้วย Happy Milk & Yogurt" ซึ่งเพื่อนๆ ต่างชื่นชอบกับความอร่อยของน้ำนมคุณภาพที่เราได้คัดสรรแล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดกิจการฟาร์มรีดนมและโฮมเมด นมอารมณ์ดีจนได้ เนื่องจากอาการโรคภูมิแพ้กำเริบอย่างรุนแรงโดยเป็นการแพ้หญ้าเลี้ยงวัว ทำให้ร่างกายไม่สามารถจะทำงานรีดนมได้อีกต่อไป.....
ถึงแม้ปีแรกจะต้องเผชิญกับ "เส้นเลือดในสมองแตก" ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก แต่ก็พยายามฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาได้โดยเร็วจนทำให้ได้เริ่มต้นอาชีพใหม่ นั่นคือ "ฟาร์มรีดนม" นับเป็นงานที่หนักและท้าทายคนป่วยเช่นผมมากทีเดียว ก็ได้พยายามจนร่างกายแข็งแรงขึ้นเป็นลำดับและเข้าใจการรีดนมมากขึ้นด้วย
แต่ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสภาพคล่องที่ทำให้เงินทุนหมุนเวียนไม่เพียงพอ และเป็นอีกครั้งที่ได้พยายามจนเกือบผ่านพ้นมาได้ด้วย Happy Milk & Yogurt" ซึ่งเพื่อนๆ ต่างชื่นชอบกับความอร่อยของน้ำนมคุณภาพที่เราได้คัดสรรแล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดกิจการฟาร์มรีดนมและโฮมเมด นมอารมณ์ดีจนได้ เนื่องจากอาการโรคภูมิแพ้กำเริบอย่างรุนแรงโดยเป็นการแพ้หญ้าเลี้ยงวัว ทำให้ร่างกายไม่สามารถจะทำงานรีดนมได้อีกต่อไป.....
และกว่าสามปีที่พยายามสร้าง "ความฝันและความสุข" ทำให้ได้ค้นพบ...
"วลีเด็ด"...ทีทำให้เกิดความเพียรพยายามลุกขึ้นทุกครั้งเมื่อยามท้อแท้...
"หมดแรง หมดเงิน แต่ไม่หมดปัญญา"
นับจากนี้...ในช่วงเวลาที่จะต้องเข้ารับการรักษาร่างกาย
ก็จะใช้โอกาสนี้เดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาสองสิ่งนี้....
.....แหล่งพักพิง "ความฝันและความสุข"
.....สัจธรรมแห่งชีวิตนี้ว่า "Who am I"
หวังไว้ว่า....ถ้ามีโอกาสได้ค้นพบสองสิ่งนี้แล้ว....
คงจะได้กลับมาบอกเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกับทุกท่านที่เป็นห่วงเป็นใยจนทำให้วิตกเล็กๆ
เรื่องแรก...เข้าใจว่าผม "ท่องเที่ยว" เสียเพลินเชียว
ผมไม่ได้ไปท่องเที่ยวอย่างนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ กันนะ
แต่บางแห่งไปเพื่อรักษาอาการผิวหนัง
บางแห่งไปเพื่อเรียนรู้ชีวิต
บางแห่งก็ไปโดยบังเอิญ
และบางครั้งก็ต้องผ่านเข้าสู่เมืองใหญ่
เรื่องที่สอง...เป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ผมเลือกการเดินทางที่ประหยัดที่สุด
บางทีก็ไม่ต้องเสียค่าที่พัก
บางแห่งเลือกที่จะนอนเต้นท์
และบางครั้งก็เลือกที่จะเดิน...เดิน...เดิน...ดูไปเรื่อยเปื่อย
เพียงได้พบ "น้องโน๊ต" หนุ่มไฟแรงแห่ง "ฮาลำพูน" ก็เกินคุ้มแล้ว
เพียงได้พบ "เพื่อนสมัยมัธยมปลาย" โดยบังเอิญก็สุขใจแล้ว
เพียงได้พบ "น้าทรัพย์" บุรุษแกร่งที่ซ่อนเร้นในสวนลำใย ก็เกินบรรยาย
เพียงแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับทริปนี้